[email protected] 1178 / 062-1419954

“สตม. จับกุมต่อเนื่อง แก๊งขนคนสระแก้วอ้างขนคนมาทำอ้อย”

ตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เรื่องการควบคุมกำกับดูแลชาวต่างชาติที่เข้ามาพำนักอาศัยหรือเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. มอบหมายให้ สตม. ดำเนินการป้องกันและปราบปรามการกระทำผิดที่เกี่ยวข้องกับคนต่างด้าว โดยเฉพาะการลักลอบหลบหนีเข้าเมือง และขบวนการลักลอบขนแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมาย ในห้วงการระบาดของเชื้อโควิด ๑๙ นั้น

สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง โดย พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม., พล.ต.ต.สิทธิชัย โล่กันภัย รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.รุ่งโรจน์ ฐากูรปุณยสิริ ผบก.ตม.๓.,พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รอง ผบก.ตม.3, พ.ต.อ.รุ่ง ทองมนต์ ผกก.ตม.จว.สระแก้ว และชุดสืบสวน ตม.จว.สระแก้ว บูรณาการกับหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ ร่วมกันจับกุมขบวนการลับลอนขนแรงงานต่างด้าวตามตะเข็บชายแดนจำนวนหลายราย

คดีแรก เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ตม.จว.สระแก้ว ได้รับแจ้งจากสายลับ (ขอปกปิดชื่อ-นามสกุลจริง) ว่าจะมีการลับลอบขนแรงงานต่างด้าวเพื่อเข้ามาทำงานในประเทศไทยบริเวณบ้านทับพริก ต.ทับพริก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้ร่วมกันตั้งจุดตรวจตามเส้นทางที่ได้รับแจ้ง ต่อมาเวลา ๒๑.๓๐น. พบรถต้องสงสัยตามที่สายลับแจ้ง จึงได้แสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ ขอทำการตรวจค้นรถกระบะยี่ห้อ มิตซูบิชิ ไทรทัน สีดำ โดยมีนายจักรกฤษ อายุ ๓๒ ปี สัญชาติไทย เป็นชาวบ้าน ต.หนองบอน อ.เมือง จ.สระแก้ว เป็นผู้ขับขี่ และพบชาวกัมพูชานั่งอยู่ในรถและกระบะท้ายอย่างแออัด จำนวนหลายคน จากการตรวจสอบพบว่าชาวกัมพูชาทั้งหมด ไม่มีเอกสารใดๆ แสดงตน โดยทั้งหมดรับสารภาพว่าลักลอบเข้าประเทศไทยทางช่องทางธรรมชาติ ไม่ทราบจุดพิกัดที่แน่ชัด ตั้งใจจะไปทำงานตัดอ้อยในพื้นที่ อ.วัฒนานคร จ.สระแก้ว มีนายจ้างชื่อ เฮียเล็ก (ไม่ทราบชื่อ-นามสกุลจริง) เป็นคนว่าจ้าง และมี นายเอี๊ยะ นายหน้าต่างด้าวเถื่อนชาวกัมพูชา เป็นผู้ติดต่อหาคนงานในหมู่บ้านฝั่งประเทศกัมพูชา โดยเสียค่านายหน้าคนละ ๘๐๐ บาท นำมาส่งต่อให้ นายจักรกฤษ (ผู้ถูกจับกุม) เพื่อนำไปส่งให้นายจ้างชาวไทยอีกทอดหนึ่ง เจ้าหน้าที่จึงได้แจ้งข้อกล่าวหา นายจักรกฤษ ฯว่า “ช่วยเหลือด้วยประการใดๆ แก่บุคคลต่างด้าว ที่หลบหนีเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรไทยโดยผิดกฎหมาย, ร่วมกันชุมนุมทำกิจกรรมหรือการมั่วสุม ณ ที่ใดๆ อันเป็นการฝ่าฝืนต่อ พ.ร.ก.กำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.๒๕๔๘ ส่วนชาวกัมพูชาทั้ง ๑๓ คน แจ้งข้อกล่าวหาว่า “เป็นบุคคลต่างด้าว (ชาวกัมพูชา) หลบหนีเข้าและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต และร่วมกันชุมนุมทำกิจกรรมหรือการมั่วสุม ณ ที่ใดๆ อันเป็นการฝ่าฝืนต่อ พ.ร.ก.กำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.๒๕๔๘” นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.คลองน้ำใส จว.สระแก้ว เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย

คดีที่สอง เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ตม.จว.สระแก้ว ร่วมกับหน่วยงานความมั่นคง บูรณาการออกตรวจพื้นที่ตามแนวตะเข็บชายแดน ตามนโยบายสกัดกั้นขบวนการลักลอบขนแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายของรัฐบาล เมื่อ เวลา ๐๐.๕๐น. มาเจ้าหน้าที่ออกตรวจถึงบริเวณป่าไร่อ้อย บ.ป่าไร่ใหม่ ต.ป่าไร่ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ได้พบกระบะโตโยต้า ไมตี้เอ็กซ์ สีขาว จอดอยู่บริเวณชายป่าอ้อยมีลักษณะพิรุธต้องสงสัย จึงได้เฝ้าสังเกตการณ์ ต่อมาพบชาวกัมพูชา จำนวน ๔ คน เดินเท้ามาขึ้นกระทะท้ายของรถยนต์คันดังกล่าว เจ้าหน้าที่จึงแสดงตนเป็นเจ้าหน้าที่ขอทำการตรวจสอบ พบนายยอด (ผู้ถูกจับกุม) เป็นผู้ขับขี่ และพบชาวกัมพูชา จำนวน ๔ ราย นั่งอยู่ท้ายกระบะ ทั้งหมดไม่มีเอกสารใดๆ แสดงตน และรับสารภาพว่าลักลอบเข้าประเทศไทยทางช่องทางธรรมชาติ ตั้งใจจะไปทำงานคัดรองเท้ามือสองในตลาดโรงเกลือ โดยเสียค่านายหน้าคนละ ๕๐๐ บาท เจ้าหน้าที่จึงได้แจ้งข้อกล่าวหา นายยอด ว่า “ ช่วยเหลือด้วยประการใดๆ แก่บุคคลต่างด้าว (ชาวกัมพูชา) ที่หลบหนีเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรไทยโดยผิดกฎหมายเพื่อให้พ้นการจับกุม ส่วนชาวกัมพูชาทั้ง ๔ ราย แจ้งข้อกล่าวหาว่า “เป็นบุคคลต่างเข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต” นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.คลองลึก จว.สระแก้ว เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย อนึ่ง ทั้งสองคดีชุดสืบสวนอยู่ระหว่างขยายผลเพื่อดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้องต่อไป

Comments are closed.

 

บริการประชาชน